
การตัดสินใจซื้อหรือสร้างบ้านสักหลังเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งทีเดียว เพราะคุณต้องศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวบ้าน ทำเล ตลอดจนการวางแผนด้านการเงิน เรื่องของการกู้ซื้อบ้าน หรือขอสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร ซึ่งนำไปสู่การมีภาระผูกพันในระยะยาว เพราะเหตุนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ซื้อบ้านหรือการกู้เงินสร้างบ้านมาเป็นแนวทางให้คุณเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจ
ทำไมการซื้อบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ?
บ้านไม่ใช่สิ่งของที่คุณซื้อกันบ่อยๆ หรืออาจเป็นครั้งเดียวก็ได้ที่คุณจะซื้อหรือสร้างบ้าน การตัดสินใจซื้อหรือสร้างบ้านนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง นอกจากปัจจัยเกี่ยวกับตัวบ้าน โครงการ ทำเลที่ตั้ง ความปลอดภัยแล้ว ยังมีปัจจัยด้านการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย เราเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องกู้เงินมาซื้อบ้าน การซื้อบ้านหรือสร้างบ้านสักหลังนั้นไม่ใช่จะจบลงตรงที่ราคาของบ้านตอนที่ซื้อเท่านั้น บ้านจึงเป็นภาระผูกพันระยะยาว แต่ยังต้องคำนึงถึงมีค่าใช้จ่ายที่จะตามมาในภายหลังไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งทั้งภายในและภายนอก เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ การต่อเติมซ่อมแซม ตลอดจนค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จะตามมา ค้าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลางของโครงการ รวมถึงการผ่อนบ้านรายเดือนเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ดังนั้นการพิจารณาซื้อบ้านนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก และต้องการวางแผนการเงินที่ดีเพื่อไม่เกิดปัญหาในภายหลัง
สินเชื่อบ้านคืออะไร
สินเชื่อบ้านก็คือเงินกู้ระยะยาวที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวเฮาส์ ทาวโฮม คอนโด หรืออาคารพาณิชย์ โดยใช้ที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหลักประกันในการจำนองให้แก่ธนาคารผู้ให้สินเชื่อ
หากคุณมีบ้านและมีสินเชื่อบ้านอยู่แล้ว แต่ต้องการไถ่ถอนสินเชื่อเดิมเพื่อมาขอสินเชื่อใหม่กับสถาบันการเงินหรือธนาคารอื่นที่มีข้อเสนอดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระที่ดีกว่า วิธีการนี้เรียกว่า "การรีไฟแนนซ์" หรือ "รีไฟแนนซ์บ้าน"
สินเชื่อบ้านในประเทศไทยเป็นอย่างไร
เมื่อสินเชื่อบ้านได้รับการการอนุมัติจากสถาบันการเงินหรือธนาคารแล้ว จะต้องมีการทำสัญญากับสถาบันการเงินผู้ให้สินเชื่อ เพื่อระบุจำนวนเงินผ่อนชำระรายเดือนและระยะเวลาหรือจำนวนงวดในการผ่อนชำระ
ทั่วไปแล้วอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะอ้างอิงตามอัตราดอกเบี้ย MLR (Minimum Loan Rate) ซึ่ง จะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำขสำหรับเงินกู้ หรือ MRR (Minimum Retail Rate)
ยกตัวอย่างเช่น
ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับเงินกู้ (MRR) อยู่ที่ 6.6% ในปัจจุบัน
ถ้าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัย เท่ากับ MRR -2. 3% ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะอยู่ที่ 4.3% (คำนวณจาก 6.6.3%)
ในการผ่อนชำระหนี้หรือสินเชื่อนั้น จะต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือน เป็นจำนวนเดือนหรือจำนวนงวดตามระยะเวลาที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา จนครบเต็มตามจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ย โดยในช่วงแรกของการผ่อนชำระนั้น เงินผ่อนชำระส่วนใหญ่จะเป็นการชำระในส่วนของดอกเบี้ย เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เงินผ่อนชำระส่วนใหญ่จึงจะกลายเป็นการชำระในส่วนของเงินต้น
คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับการกู้เงิน
MLR (Minimum Loan Rate)
MLR คืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าชั้นดี เป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระที่แน่นอน อัตราดอกเบี้ย MLR ของแต่ละสถาบันการเงินจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการกำหนดของสถาบันการเงินนั้น อัตราดอกเบี้ย MLR เป็นอัตราดอกเบี้ยประเภทลอยตัว ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจการเงินในขณะนั้นด้วย
เงินดาวน์ (Down Payment)
เงินดาวน์ หรือการวางเงินดาวน์ ที่ได้ยินบ่อยๆ เวลาซื้อที่บ้านหรือพักอาศัยหรือซื้อรถ เงินดาวน์คือเงินมัดจำที่ชำระล่วงหน้าตอนที่ตกลงซื้อ โดยทั่วไปเงินดาวน์มักถูกกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาที่พักอาศัย
ในประเทศไทยขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย สถาบันการเงินหรือธนาคารส่วนใหญ่มักจะให้กู้หรือให้สินเชื่อไม่เกิน 90% ของราคาที่อยู่อาศัย ดังนั้นการวางเงินดาวน์ในการซื้อบ้านจะต้องวางอย่างต่่ำ 10% ของราคาบ้าน
การยึดอสังหาริมทรัพย์ (Foreclosure) คือการที่สถาบันการเงินหรือธนาคารเข้ายึดครอง หรือ Repossess ที่พักอาศัยของคุณ เพื่อนำไปขายและนำเเงินที่ได้มาชำระยอดคงค้างของเงินคุณกู้ยืม ซึ่งการยึดที่พักอาศัยนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณค้างการจ่ายผ่อนชำระค่างวดเงินกู้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ
ระยะเวลาการผ่อนชำระ (Loan Tenure)
Loan Tenure หรือ ระยะเวลาในการผ่อนชำระเงินกู้สำหรับสินเชื่อหรือการกู้ยืมเงินระยะยาว ซึ่งการผ่อนชำระจะแบ่งเป็นจำนวนเดือนหรือจำนวนงวดในการผ่อนจ่าย ตามระยะเวลาการผ่อนชำระที่ตกลงไว้ในสัญญา
สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนั้น จะให้ระยะเวลาการผ่อนชำระ (Loan Tenure) ที่นานกว่าสินเชื่ออื่นๆ แต่จะมีระยะไม่เกิน 30 ปี ซึ่งระยะเวลาการผ่อนชำระขึ้นก็จะถูกพิจารณาตามอายุของผู้ขอกู้ในขณะนั้นด้วย หากผู้ขอกู้มีอายุมาก ก็จะได้ระยะเวลาการผ่อนชำระที่สั้น อีกนัยหนึ่งก็คื่อจำนวนเงินที่ผ่อนจ่ายต่อเดือนหรือต่องวดจะสูง เพื่อที่จะชำระหนึ้ได้ครบตามจำนวนในระยะการผ่อนที่สั้น

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น